ข้าพเจ้าลงจากรถ ลาผู้ปกครองที่มาส่งข้าพเจ้าที่หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง (สวนเจ้าเชตุ) สะพายเป้ เดินไปยังประตู ผ่านฝูงคำถามมากมายซ้ำซากว่า สายเก่งใส่อย่างไร บ้าง สายเก่งมีประโยชน์หรือไม่ บ้าง ซึ่งข้าพเจ้าก็เบื่อเหลือเกิน แต่ก็ตอบเพราะเห็นว่าเขาเหล่านั้นเป็นรุ่นน้องทั้งสิ้น และควรได้รับข้อมูลที่เขาสมควรได้รับ
I stepped down from my parent's car, bid them goodbye and backpacked into the Army Reserve Command, through repeated question on how to wear the load harness, its uses and if any, necessity. I tried to keep myself calm and answer them just because they're all my juniors and deserve to have the truth.
ภาพ: รวมพลที่หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง สวนเจ้าเชตุ
Preparing for assembly at Army Reserve Command
จากนั้น พวกเราพากันไปรวมพลที่ที่รวมพลในสวนเจ้าเชตุ ขึ้นรถไปยังอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ
We assembled, and rode to Nine-Army Battle Historical Park.
2 ภาพ: เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังอุทยานประวัติศาสตร์ สงครามเก้าทัพ
2 Pictures: In transit to Nine-Army Battle Historical Park
สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามในปี พ.ศ. 2328 ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พม่าในยุคนั้นมีพระเจ้าปดุงปกครอง ได้ยกทัพมาทั้งหมด 9 ทัพ กำลังพล 144 000 นาย กระจายกำลังบุกทั้งจากทางเหนือและใต้ ใช้ทัพบกและทัพเรือประสานกัน โดยกำลังหลักส่วนใหญ่ได้บุกผ่านด่านเจดียสามองค์
The Nine Armies War was a conflict between Siam and Burma in 1785, back in Rama I's reign. King Bodawpaya of Burma coordinated an attack heading for Bangkok using 9 armies, with total strength of 144 000 men, from both the north and south, on land and from sea. Most of the forces came through the Three-Padoga Pass, which led to Kanchanaburi.
ฝ่ายไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้จัดทัพ 4 ทัพ โดยประกอบไปด้วยทัพที่จะไปต้านการรุกรานทางเหนือ ใต้ ตะวันตก และทัพหลวง ผลสำเร็จสำคัญที่ทำให้ไทยชนะสงครามครั้งนี้คือการต่อสู้ที่ลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี ฝ่ายไทยมีกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ ใช้การทำลายเสบียงและสงครามนอกแบบในการกำจัดข้าศึกจนทัพพม่าเสียขวัญและถอยทััพในที่สุด หลังจากนั้น ทัพอื่น ๆ ของพม่าก็พ่ายแพ้ไป ไม่สามารถทำการรบต่อได้ ประเทศไทยจึงรักษาเอกราชไว้ได้
In Siam, King Rama I the Great assembled 4 armies, three protecting each side from the assault, and one under his own command as reserves. The decisive victory was caused by the battle of Lat Ya. Siam's western army, led by Maha Sura Singhanat (Rama I's younger brother), used superior tactics, attrited the Burmese, and forced them to retreat. Other Burmese armies were then defeated by other regional armies, heroes, and heroines. Thus, Siam decisively won against the Burmese.
ภาพ: เตรียมพิธีเปิดการฝึก
Preparing for opening ceremony.
ต่อมา เราก็ได้เข้าสู่ค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เขาชนไก่ พิธีเปิดเพื่อมอบอำนาจนักเรียนผู้บังคับบัญชา (อำนาจนิดเดียว หน้าที่เยอะ ๆ = =") ทิ้งสัมภาระทั้งหมดไว้ที่กองพัน แล้วไปยังสถานีฝึกที่ 31 สนามยิงปืน เพื่อทบทวนการยิงปืน ปลย.11 (HK33) จากนั้นเข้าที่พักเพื่อจัดกำลังเข้ากองร้อย กองพัน และหมวด
Then we reached the bounds of the Khao Chon Kai training camp. The opening ceremony rolls to open the training (for our group), give authority (but even more duties) to certain students. We dropped our belongings at the Battalion and continued on to Training Station #31 - the shooting range - to refresh our knowledge and skills for HK33. Then we headed back to the camp to organize ourselves into the "hierarchy" and be assigned tents.
ภาพ: ผ่านพื้นที่กองพันปกครอง
Passing the camp site.
ภาพ: รับประทานอาหารกลางวัน
Eating out- the Lunch!
3 ภาพ: ทบทวนการใช้ ปลย.๑๑ (HK33)
3 Pictures: Refreshment on HK33
ข้าพเจ้าถูกจัดเข้ากองพัน 32 ผลัดที่ 26 กองร้อย 2 หมวด 3 หมู่ 4 เป็นหัวหน้าหมวด
(For reference to other students only - you won't need this paragraph.)
ภาพ: เดินทางกลับกองพัน
Marching back to the camp.
ภาพ: จัดของเข้าที่พัก
Moving in
จากนั้นเราก็ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวบ้างฟังบรรยายต้อนรับบ้าง โดยต้องใช้เวลาสักพักจึงจะคุ้นเคยกับที่นี่ แม้ว่าเมื่อปี 2 จะเคยมาที่นี่แล้วก็ตาม เนื่องจากสภาพของปี 2 และปี 3 ไม่เหมือนกัน หลังจากนั้นเราจึงได้กินข้าวเย็นและพักอีกครั้ง สวดมนต์นอน (คืนแรกไม่มีการอาบน้ำ เป็นการฝึกความอดทน)
We completed our personal needs, listened to briefings, welcomes, and traditional stuffs. It took a while, for me personally, to get familiar with this place; even though I was here a year ago. After a while we had dinner, another break, prayers, and went to sleep right away. (No shower, juniors! Be warned!)
ข้าพเจ้านอนเต็นท์คนเดียว เนื่องจากเพื่อนของข้าพเจ้าขอย้ายไปนอนด้วยกันเป็นกลุ่มเพื่อความบันเทิง และข้าพเจ้าก็ไม่ได้หาใครมาแทนที่ จึงกลายเป็นว่านอนคนเดียว
Actually, I'm a single loner in one tent. Even though we have buddy system, my supposed buddy from another school went to join their "party" and I didn't bother to find someone else.
วัน ว+1 - D+1
ตื่นเช้าขึ้นมา ข้าพเจ้ารีบแต่งตัว สั่งรวมพลในหมวดทันที เพื่อเตรียมออกเดินเท้าไปยังสนามยิงปืน ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกล และใช้เวลาเดินนานพอสมควร
In the morning, I get dressed up, assembled the platoon ASAP, eat whatever we could, and marched off to the shooting range.
ภาพ: ทบทวนการยิงอีกครั้ง
Refreshments for those who learned, crash-course for those who didn't.
เมื่อถึงสนามยิงปืนด้วยกระสุนจริง สถานี 31 พวกเราจัดชุดยิงชุดละ 60 คน และทบทวนขั้นตอนอีกเล็กน้อยก่่อนที่จะรอขึ้นแนวยิง สำหรับขั้นตอนในการยิงจะขอไม่กล่าวถึง
After reaching Station 31, we assembled into groups of 60, listened to more revisions and waited at the line. The procedure itself is classified, unfortunately.
3 ภาพ: "ซ้ายพร้อม ขวาพร้อม แนวยิงระวัง!!" "ปลดห้ามไก!" "เริ่มยิง!"
3 Pictures: "COMMENCE FIRE!"
เมื่อยิงเสร็จแล้วก็จะต้องตรวจหาปลอกกระสุน (ห้ามนำกลับบ้าน) ส่งเป้าเพื่อบันทึกคะแนน และเดินทางกลับไปยังกองพันเพื่อรอกินข้าวเที่ยง
After shooting however, we must collect all the remaining bullet cases. (Pocketing them is strictly prohibited!) Returned the paper targets for scoring, and marched back for lunch.
2 ภาพ: ฐานกิจกรรม (ที่ไม่ได้ใช้เพราะชำรุด)
2 Pictures: 20% of the Obstacle Course
หลังอาหารเที่ยง เราออกเดินทางไปยังบริเวณสถานี 34 ซึ่งเป็นฐานที่สอนอยู่หลายเรื่องพอควร โดยวันนี้ได้ฝึกการข้ามเครื่องกีดขวาง 10 ชนิด (แต่ก็ได้ทำจริง ๆ ไม่ถึง เพราะบางอันอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน) และเดินขึ้นเขาเพื่อฝึกการหาข่าวและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตรงนี้ยอมรับว่าเหนื่อยมาก เพราะเดินขึ้นเขาเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร เดินพลางพักพลางไปเรื่อยจึงใช้เวลานานมาก ข้าพเจ้าเป็นตะคริวตอนประมาณระยะทาง 1900 เมตร เนื่องจากเหนื่อยมากแต่ยังพยายามเดินต่อ (เกือบตกเขา กลับไปเริ่มใหม่ เหอๆๆ)
After lunch, we moved to Station 34, which was quite a variety of stations. Today we trained in the 10-part obstacle course and conducted an intelligence patrol uphills. 2 kilometers was very tiring, as there wasn't much fun in it. I had cramps at 1900 meters, due to Murphy's Law.
ภาพ: หัวหน้ากองร้อย 3
3rd Company Commander
ภาพ: จากยอดเขาเล็ก ๆ
From the little steep pile of absolute dirt.
จากนั้น บนยอดเขาได้รับแจ้งว่าจะมีการฝึกยิงปืน ค. ให้รีบลงจากเขาเนื่องจากอาจไม่ปลอดภัย พวกเราจึงฟังบรรยายเล็กน้อยแล้วลงเขาทันที ตรวจสอบยอดทั้งหมดแล้วกลับกองพัน คืนนี้พวกเราได้อาบน้ำกันไม่ถึง 1 นาที จัดการภาระกิจส่วนตัวแล้วนอน
At top of the hill, we were told that the mortars will begin firing for the seniors' exercises. We had to get back to the camp after a brief boring lesson. All men checked in, we moved back to the camp, took a less-than-a-minute shower, a break and then to sleep.
วัน ว+2 - D+2
ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้า เนื่องจากวันนี้ต้องเก็บของเพื่อย้ายไป "พักแรมในป่า" ที่สถานีฝึกที่ 32 ในตอนเช้า ซึ่งเขาเรียกตัวเองว่า Dreamworld (วงเล็บว่า เป็นฝันร้ายนะ)
We woke up even earlier today, packed up and moved to "Forest Site" at Station 32 right in the morning. The particular station called itself
ภาพ: วางกระเป๋าที่สถานี 32
All you can steal... I mean, all we deposited, at Station 32.
ข้าพเจ้าได้ฝึกการเคลื่อนที่รูปขบวนหมู่ (เหนื่อยมาก และไม่สนุกอย่างที่คิด) การพราง (ซึ่งถ้าใครทำอะไรขัดใจอาจได้หน้ามืด หมายถึงพรางดำทั้งหน้า) กะระยะด้วยสายตาและนับระยะก้าว (โดย 130 ก้าวจะได้ประมาณ 100 เมตร) และฝึกสังเกตการณ์
We trained squad-level movement and formation (sounds easy?), camouflage (you get "blacked out" if you do it wrong, i.e. you get your face painted in total black), range estimation, and observation.
ภาพ: สถานีย่อย การพราง
Camo Substation. High risk of "Getting Blacked Out"!
(ในวงเล็บคือ "ความจริง" ไว้เปรียบเทียบ)
จาก ชุดตรวจการณ์ที่ 1 (ชุดตรวจการณ์นี้มีขนาดใหญ่เป็นร้อยคน)
พบ รถถังข้าศึก โผลจากชายป่าด้านทิศตะวันตก (เป็นคัตเอาท์รูปรถถัง ขนาดเท่าของจริง มี นศท. ยืนถืออยู่ประมาณ 4 นาย)
เวลา 1048 น. (เวลาจริง)
กำลังเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออก (นศท. ถือรูปรถถังเดินไปข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาเก็บที่เดิม)
("Truth" in parentheses for comparison)
From: 1st Observation Team (this "Team" had like a hundred men)
What: Enemy tank from the woods to the west (a full-sized cut-out of a tank, with 4 students dragging it around)
When: 1048 hrs (true)
Doing: Moving to the east (the students drags the 'tank' to the east, then reversed into the woods it emerged from)
ในตอนบ่าย พวกเราเริ่มเข้าสู่แดนสนธยา ความล้าและความง่วงมาโดยมิได้นัดหมาย ข้าพเจ้าเข้าฝึกสถานีย่อย รูปขบวนทำการรบ ซึ่งไม่มีอะไรมาก เพราะข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าหมวด เลยโดนจับแยกมาช่วยดูความเรียบร้อยแทนที่จะต้องจัดแถวเอง
In the afternoon, we entered afterworld, I mean, the world of our dreams. Someone started dreaming already. Uninvited guests like tiredness also came. Our company went to another substation which I essentially did nothing except taking care of problematic people. Fortunately, there wasn't one.
หลังจากนั้น พวกเราเข้าสถานีย่อย 324 เป็นเรื่องของการดำรงชีพในป่า เขาว่าไว้ดังนี้
Then we entered SubStation 324, Survival. The core of SURVIVAL was...
S = Size up the situation ประมาณสถานการณ์
U = Undue haste makes waste อย่าใจร้อนจะเสียการ
R = Remember where you are จำให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน
V = Vanquish fear and panic ขจัดความกลัวให้สิ้น
I = Improvise (คงไม่ต้องแปลมั้ง)
V = Value living ชีวิตมีค่าสูงสุด
A = Act like the natives เข้าเมืองตาหลิ่วจงหลิ่วตาตาม
L = Learn basic skills มีทักษะติดตัวไปด้วย
ซึ่งถ้าแก้ให้เป็นไปตามกฎของเมอร์ฟี่ คงได้:
Which, edited under Murphy's Law, results in:
S = Shi-! happens! ความซวยเกิดขึ้นได้เสมอ
U = Understand that there's simply no hope สิ้นหวังแล้ว ยอมรับมันซะเถอะ
R = Remember, there are predators in the wild. อย่าลืมว่าในป่าก็มีผู้ล่า
V = Very last chance for your prayer. สวดมนต์ซะ ต่อไปจะไม่ได้ทำแล้ว
I = Idiots make up your squad คุณจะมีแต่ลูกหมู่โง่ ๆ
V = Value your life first เอาตัวเองให้รอดไว้ก่อน
A = Autosave does its job at the worst time! ระบบ Autosave ทำงานดีมากในช่วงกำลังซวยและลืมปิดมัน
L = Learn to save often next time! คราวหน้าก็เซฟบ่อย ๆ นะ
และ Z อีก 1 ตัว : 絶望した! (สิ้นหวังแล้ว!)
And another Z: 絶望した! (I'm in Despair!)
จากนั้นก็มีการแสดงงู ว่างูพิษและไม่มีพิษชนิดต่าง ๆ สังเกตอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง
Then we saw a liitle snake show, distinguishing different types of snakes.
2 ภาพ: สถานีการดำรงชีพในป่า
2 Pictures: S.U.R.V.I.V.A.L. Make sure you do survive until the end!
แล้วเราก็ไปปฏิบัติเรื่องการทำอาหารด้วยหม้อสนาม ไม่ทันไรก็ได้ Alt+F4 กันทั้งหมู่ (และอีกหลายคนที่ Game Over, F, Time Up, Retired, Failed, Mission Failed, Bad Ending, Quest Failed ฯลฯ)
Now, we practiced cooking. As you might have guessed, we all got Game Over, F, Time Up, Retire, Failed, Mission Failed, Bad Ending, Quest Failed, and such. We, our squad, ended up with Alt+F4.
ในคืนนี้ พวกเราฝึกการรบในเวลากลางคืน หมายถึงการเดิน คลานในยามกลางคืน การมองเห็น การใช้สายตา ข้อควรระวังเรื่องไฟ ความเงียบ การแก้ปัญหาในกรณีฉุกเฉิน การหาทิศด้วยดาว เป็นต้น
And in the night, we trained night operations, including moving, crawling, observation, use of sight, dangers of fire (gives yourself away), silence, emergency handling, and navigation.
และสุดท้ายก็ได้เข้านอน คืนนี้เพื่อผ่อนคลาย เราได้รับอนุญาตให้นอนดึกได้ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่น ซึ่งเต็นท์พวกเรามี 3 คน คุยกับเต็นท์ข้าง ๆ อีก 3 คน สุดท้ายก็เสียงดังจนได้
After the night training, we were sent to sleep. Tonight, we were allowed to remain awake longer but noise is still prohibited. Our tent had 3 persons, which talked to another 3 in another tent, and yeah, we narrowly got away. But I didn't do it though!
วัน ว+3 - D+3
ภาพ: สถานี 32 ---> สถานี 33
$currentStation = 32; $currentStation++; ภาพ: จ่านรก
"Hell Sarge"
สถานี 33 จ่านรก มาแล้ว พวกเราออกเดินทางจากสถานี 32 ไปโดยการเดินเช่นเดิม และได้รับการต้อนรับจากจ่านรก ตำนานของการฝึก นศท. เป็นอย่างดี (ดังภาพ)
Here comes Station 33, the "Hell Sarge", legend of ROTCS! We marched from Station 32 and was dearly welcomed by the Sarge himself.
ภาพประกอบคำพูด (แต่งเอง)
A: จ่านรกเนี่ยนะ ก็โถ กลัวไปเอง มันจะทำอะไรเราวะ!
B: เห้ย แต่ใคร ๆ ก็บอกว่าน่ากลัวที่สุดนะเว้ย!
Me (ปลอกแขนสีแดง): ... (เดี๋ยวก็รู้ หึหึหึ)
Picture with Dialog (utterly misquoted)
A: Hell Sarge? No way, what would he do to us! He can't!
A: Hell Sarge? No way, what would he do to us! He can't!
B: But hey, people say he's the toughest and the most fearsome!
Me (w/ red armband): ... (wait and see)
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทุกอย่างที่ข้าพเจ้าติดตัวมาเปื้อนไปด้วยทรายหมดแล้ว หลังจากที่ได้รับการต้อนรับที่เยี่ยมยอดเช่นนั้น (จนใครบางคนเจตนาร้องเพลงเพี้ยน)
I didn't know how long it was, but I only knew that everything was covered in sand after that warm welcome. Some tried to sing a parody, and I think it's a good idea.
ภาพ: ต้อนรับอย่างอบอุ่น
Welcome to the Infantry, infantryman!
Welcome to the Infantry, infantryman!
หลังจากนั้น พวกเราจัดกำลังใหม่เป็นฝ่ายเข้าตีและตั้งรับ เพื่อจำลองสถานการณ์ ในรอบเช้า ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายตั้งรับ ซึ่งจะต้องฝึกการรับและถอนตัวภายใต้ความกดดัน
After the fun "plays", we rearranged into two groups, attackers and defenders, to play out situation. I was on defense in the morning, which consists of a platoon that must defend and then retreat.
ภาพ: นศท. แมว ปกติ ธรรมดา สีน้ำตาล (<-- อะไรวะ = =")
Sergeant Neko U. Nyannyannya
(Sidenote: ditdin เมิงแน่ใจนะว่ากล้องมือถืออะ = =")
(Sidenote: ditdin เมิงแน่ใจนะว่ากล้องมือถืออะ = =")
บ่ายวันนี้ร้อนมาก ร้อนขนาดว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ฝ่ายรุกในตอนบ่ายต้องเอาน้ำล้างตัวให้เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นลมแดด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
It was very hot, like 40 degrees Celsius. The assault teams need to soak themselves in cold water to prevent heat stroke, which can be lethal.
ภาพ: เข้าตี
The Assault, The Onslaught, The ... whatever.
The Assault, The Onslaught, The ... whatever.
ภาพ: นี่คือการซ้อม
This - is - a - drill!
ドリルだ! (ไม่ใช่ละ = =")
ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าร่วมการฝึกรอบบ่าย เนื่องจากมีหน้าที่ต้องเก็บกวาดพื้นที่บรรยายให้เรียบร้อย และกว่าจะเสร็จ การเข้าตีก็เริ่มไปแล้ว ครูจึงให้ศึกษาวิธีการปฏิบัติโดยการสังเกตและฟัง ("นั่งดู") แทน
Unfortunately, due to menial stuffs like carrying the trash and cleaning the briefing room, I couldn't take part in the assault procedures training. I was ordered to learn by observation instead.
เมื่อการฝึกเสร็จสิ้น เราก็รับโอวาทจากจ่านรกอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการใ้ห้โอวาทแบบครูกับศิษย์ ไม่เหมือนกับที่ต้อนรับเราเมื่อเช้า
After all the training is over, Hell Sarge gave us another speech, with a genuinely warm feelings, unlike the physical warmth he gave in the morning.
2 ภาพ: กลับกองพัน
Back to HQ
Back to HQ
และในที่สุด การฝึกก็ได้จบลงอย่างไม่เป็นทางการเมื่อพวกเรากลับไปอาบน้ำที่กองพัน และแต่งตัวเตรียมขึ้นลานนันทนาการเป็นกิจกรรมสุดท้าย ฟังบรรยายเรื่องชีวิตหลังจบการเรียนรักษาดินแดน ความรักชาติ รักสถาบัน หน้าที่ และกิจกรรมร้องเพลงร่วมกัน (ข้าพเจ้าแก่หรือไม่?ที่ร้องตามครูได้ทุกเพลง)
And finally our trainings "formally" ended when we took a shower at the HQ, dressed up (almost) for the last course. It consisted of a few lectures about defense, nationalism, and duties, and then a few karaokes. (Did I fall into the "Old Trap" anyway?)
ภาพ:
เพื่อผองเพื่อน กูจะสู้ หลังชนฝา
เพื่อลูกเมีย กูจะสู้ สุดใจกล้า
เพื่อพี่น้อง กูจะสู้ สุดแรงล้า
เพื่อบ้านเมือง กูจะสู้ จนสิ้นเลือด หยดสุดท้าย
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Singing (let him have fun.)
จากนั้นเราเข้านอนกันเป็นคืนสุดท้าย ข้าพเจ้านอนไม่ค่อยหลับเลยเพราะต้องเก็บเต็นท์ที่นอนอยู่คนเดียว เลยไม่มีใครช่วย ไม่มีใครคุยด้วยเลย แต่ต้องขอบใจเต็นท์ข้าง ๆ ที่อุตส่าห์เสียงดังรบกวน ใครบางคนที่โคจรไปมา ชวนคุยไปเรื่อย และจู่ ๆ โลกก็มาหมุนวนรอบเต็นท์ข้าพเจ้า เพราะเสียงคุยมาวนรอบ ๆ จริง ๆ และมีคนเดินไปเดินมาเต็มไปหมด
We then came back for the last night's sleep. I couldn't, because I had to pack everything myself (I was alone, remember?) and thanks to some chit-chat people talking all around, walking all over, and evading all kinds of nighttime enforcement. The world seems to have revolved around me, but did not include me myself.
วัน ว+4 - D+4
ข้าพเจ้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าพอสมควรที่วันนี้ข้าพเจ้าได้กลับบ้านแล้ว หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันกับการทำหน้าที่หัวหน้าหมวด ซึ่งร่างกายของข้าพเจ้าไม่ได้แข็งแรงมากมาย แต่ก็ยังอดทนทำได้จนสำเร็จ ข้าพเจ้ารีบเก็บของและรายงานตัว คืนปลอกแขนผู้บังคับบัญชา
I felt moderately good that I will finally get home, after 4 days of working as platoon commander. My body wasn't engineered for it, but I managed to work through anyway. I quickly grabbed my belongings, reported to the HQ and returned the armband.
2 ภาพ: หอ 34 ฟุต ด้านขวาเห็นเมรุวัดชัดเจน ด้านหน้าเป็นเสา "เมน" สลิงเก่าแล้วใช้เชือกฟางแทน ฯลฯ
2 Pictures: 34' tower, with crumbling main poles, substantial of substandard stuffs, et cetera.
2 Pictures: 34' tower, with crumbling main poles, substantial of substandard stuffs, et cetera.
2 ภาพ: ฝึกไต่เชือกข้ามลำน้ำ
2 Pictures: River Crossing (substation)
พวกเราเดินทางไปยังสถานี 34 ซึ่งเป็นสถานีสุดท้าย ฝึกโดดหอ 34 ฟุต ซึ่งข้าพเจ้า (อีกแล้ว) ก็ได้ทำหน้าที่คอยรับนักโดดลงมาด้วย กว่าข้าพเจ้าเองจะได้โดดก็นานมาก ระหว่างที่ทำงานอยู่ก็นั่งคุยยืนคุยกับคนอื่น ๆ ไปด้วย
We marched (very short march) to Station 34, regarding 34' tower jump. It's me (again) and most of my platoon who stopped and released the jumpers. After a long duty, I got to jump myself.
ภาพ: หน่วยมูนดินสกัดกั้น เอ๊ย รับนักโดด
Jumper Arresters.
ตอนข้าพเจ้าขึ้นโดดนั้น ข้าพเจ้าไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าไม่ได้สนใจพื้นข้างล่าง สนใจแต่การโดดเท่านั้น เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ออกแนวบ้าพลังนิด ๆ ด้วยซ้ำ
At the time, I wasn't frightened at all. I totally ignored the height and jumped off, maybe a berserk I am.
2 ภาพ: กินข้าวเสร็จ นั่งรอทำพิธีปิด
2 Pictures: After Lunch, before Closing.
ภาพ: นักเรียนผู้บังคับบัญชา สาธิตเกษตร
KUS Commanding students
KUS Commanding students
ภาพ: ลานพิธี พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
Ceremony Area, with King Vajiravudh (Rama VI)
หลังจากโดดหอเสร็จ ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยง ทำพิธีปิด และกลับสวนเจ้าเชตุ ระหว่างทางพวกเราแอบ "อัพเกรด" มาเป็นเสนาธิการทหารกันบนรถ รวมฝูงกัน 8 คน (นั่งเล่น Advance Wars = =")
After the final jump, we had lunch, closing ceremony, and returned to Army Reserve Command (in Bangkok), "upgrading" ourselves to Commanders on the way. (8 would-be sergeants playing Advance Wars = =")
ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้ละครับ ต้องขอโทษอย่างยิ่งที่ช้า เนื่องจากการขอรูปค่อนข้างยาก ติดสอบนั่นนี่มากมาย ทำให้งานช้ามากครับ ก็ต้องขออภัยจริง ๆ
So it might just end here. I'm very sorry for being late posting this, because it took quite some time to get all pictures together, have exams and other works to do. Sorry again.
-- ภาพอื่น ๆ และที่พอจำหน้าได้ (รูปเล็กมาก ขออภัย) - More pics --
??? - ??? - ??? - ??? - ??? - พัชร
ใครอยู่ในรูปก็แจ้งด้วยครับ
วรรธนันทน์ - ??? - ???
วงศ์พัฒน์ - วิชญะ - วรมงคล - ???
??? - ??? - ??? - ???
[ต.อ.พ.] - ??? - ??? - จักรพงศ์ - คชรัตน์? - กฤษฎี
??? - ฉัตรชัย - Author - ???
กสิกิจ - ดนุเดช - ?? - คชฤทธิ์ - ไชยธรณ์? - กฤษฎี
พี่สิชน - พงศกร - ภาสกร - Author
The End
Significant Cast (by order of appearance)
(listing all would be impossible)
Station 31 Instructors
นศท. อนันตฤทธิ์ ขันเศรษฐพงศ์ (sp?) ผบ. กองพัน
นศท. ภาสกร เวชแพศย์ ผบ. กองร้อย 3
Station 324 Instructor & Snake
Hell Sarge
ルナチック猫
นศท. ศิวกร พงศ์กล่ำ กองร้อย 3
กองพัน 32 ผลัด 26 ม้าศึก ม้าศึก
คล่องแคล่ว ว่องไว ใจกล้า ม้านักรบ!
Pictures & Filming (by order of significance)
Acting 1st Lieutenant Wongsatit Wattanasere
All pictures have been used under permission (Lt. Wongsatit, Chuymaster, and Ditdin), or assumed to be public domain (Hell Sarge) for photography on duty as officer.
Director
Nobody but everybody
Special Thanks
Friends and Comrades
Instructors and Staffs
Photography contributors
All staffs and personnel at Khao Chon Kai
Royal Thai Army
Acting 1st Lieutenant Wongsatit Wattanasere
Mr. Songphon Phanuphas
Mr. Somnuek Pongkularb
Mr. Songphon Phanuphas
Mr. Somnuek Pongkularb
All readers and subscribers!
Dedication
To the souls of those who preserved our independence until the last of their lives.
May you rest in peace for eternity.