นิยามและชื่อเรียก - Definitions and Referencing Names:
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา = สาธิตเกษตร
Kasetsart University Laboratory School, Center for Educational Research and Development = "Satit Kaset", or "KUS"
นักเรียน หมายถึงนักเรียนในสาธิตเกษตร เว้นแต่มีการระบุเป็นอื่นในใจความ
"Student" refers only to students in Satit Kaset, unless told otherwise in context.
ลักษณะชมรม - Description:
วิชาการเฉพาะด้านภาษาต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นที่ภาษาที่มีการเปิดสอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรเป็นหลัก ประกอบไปด้วยภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส
This club would aim for foreign language studies, focusing on English, Japanese, and French, the languages taught in Satit Kaset.
หลักการและเหตุผล - Reasons and Principles:
เนื่องจากโรงเรียนสาธิตเกษตรฯ ได้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วยภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาฝรั่งเศสมาอย่างต่อเนื่อง ทางหลักสูตรภาษาต่างประเทศจึงมีความมุ่งหวังที่จะจัดตั้ง "ชมรมภาษาต่างประเทศ" ขึ้นมา เพื่อดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรภาษาต่างประเทศ โดยมีนักเรียนเป็นผู้ดำเนินการใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา
The school of Satit Kaset had been teaching three foreign languages, namely English, Japanese, and French continuously. This club will further the purposes of these language subjects, with students operating the club under adviser teacher's advices.
จุดประสงค์ของชมรม - Purposes:
1. เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับภาษาต่างประเทศ
1. To be used to operate and run activities that may concern foreign languages.
2. เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพทางด้านการใช้ภาษาและทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษาต่างประเทศของสมาชิกและผู้ร่วมกิจกรรม
2. To develop and further the limits and potential regarding foreign languages and related skills in members and participants.
<ว่าง - ยังไม่ครบถ้วน :: Waiting for further additions>
การรับสมัคร - Admission and Entry:
รับสมัครนักเรียนทุกระดับชั้นที่มีความสามารถหรือความสนใจในภาษาใดภาษาหนึ่งของชมรมฯ เป็นอย่างน้อย ไม่จำกัดคะแนนหรือความสามารถใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะรับสมาชิกจัดตั้งก่อนในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 (ตามปฏิทิน) หากสนใจให้ติดต่อผู้จัดตั้งชมรม...
Any students, regardless of GPA or special talents are acceptable as long as they have abilities, skills, or interests in any of the club's interested languages. Founding members will be accepted in the first calendar half of 2008. If you are interested, please contact founder via...
ติดต่อ - Methods of Contact:
ติดต่อโดยตรง นายชวณัฐ นาคะสันต์
Direct contact : Chawanat Nakasan
โทรศัพท์ / Telephone : 085-153-6802
อีเมล / E-Mail : admin@thaimodz.net
หรือจะทิ้งความคิดเห็นที่ใจความขอสมัคร พร้องแจ้งชื่อจริงไว้ด้วย
Or leave us a comment and your real name here.
หากท่านเก่งญี่ปุ่นหรือฝรั่งเศส ช่วยแปลข้อความทั้งหมดเป็นภาษาของท่านได้ เราจะพิจารณาเป็นพิเศษ (เห้ย?!)
If you are proficient in Japanese or French and volunteer to translate everything here into your language, we will specially consider your applications! (Just kidding! You don't need to do it!!)
2008-02-26
2008-02-03
เขาชนไก่ ปีสอง
"น้าบบบบบ ก้าว!"
"1~~~~ 2."
"น้าบบบบบ ใหม่!"
"1~~~~ 2!"
"ไม่ พอ ใจ!"
"1~! 2!!"
"ต่อออออออ ไป!"
"3~~~~ 4, 1~~~ 2, 3 4 1!!"
เสียงนี้ช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูนักเรียนชายหลาย ๆ คนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่เปล่งวาจาเพื่อนับตัวเลขออกมา คนที่สั่งให้คนอื่นนับ คนที่ปากไม่พูดเท้าลากทราย (ฝุ่นตลบ) หรือแม้กระทั่งคนที่อ้าปากแต่แท้ที่จริงแล้วมันหน้าแดงแรงไม่มี ก็ว่ากันไป
ที่นี่ ที่ๆ นักศึกษาวิชาทหารทุกคนรู้จัก ผู้มีการศึกษาทุกคนรู้จัก กว่าสองร้อยปีมาแล้ว ที่นี่ได้เป็นสิ่งซึ่งจารึกประวัติศาสตร์ทางการทหารของประเทศไทยไว้ ในฐานะของสมรภูมิรบที่มีความสำคัญต่อสยามประเทศในสมัยนั้นอย่างยิ่ง ทัพของฝ่ายไทยสี่ทัพ สามารถหยุดยั้งการบุกรุกดินแดนจากพม่า ที่ใช้กำลังพลมากถึงเก้าทัพ ที่นี่คือทุ่งลาดหญ้า สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ ที่นักรบไทย (แน่นอน พม่าด้วย) ได้สละเลือดเนื้อ ชีวิต น้ำตา หยาดเหงื่อ และฝังเอาจิตวิญญาณแห่งนักรบไว้ที่นี่ คอยให้พวกเรา - นักศึกษาวิชาทหาร - ได้สานต่อซึ่งอุดมการณ์ความรักชาติ ความรู้รักสามัคคี และจิตใจที่ตั้งมั่นเสียสละเพื่อแผ่นดิน ที่นี่ เป็นที่ๆ เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้น ได้เฝ้าดูลูกหลานของแผ่นดิน เติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติ สมดังคำขวัญ "นักศึกษาวิชาทหาร คือ ลูกหลานของแผ่นดินไทย" ทุกประการ
ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ทุ่งลาดหญ้า และเขาชนไก่
จริง ๆ แล้ว การฝึกชั้นปีที่สองนั้นไม่มีอะไรเลยครับ แค่กล้าลุยนิดเดียวก็ใช้ได้แล้ว ที่เหนื่อยสุดก็คือการใส่หมวกเหล็ก ไถแถกๆๆๆๆ บนทราย (หงาย ถอยหลัง) เพื่อลอดลวดหนาม นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากครับ ผมยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลยนะเนี่ย จริงจริ๊งงงง (เหรอฟระ แล้วที่กลับมาบ้านแล้วแก้สมการตรีโกณไม่ได้หมายความว่ายังไง????)
เตรียมตัว
อุปกรณ์ที่อยากให้เตรียมไป (นอกจากเครื่องแบบนะ):
กระติกน้ำ ควรล้างให้สะอาด หากปากกระติกคมก็ควรตะไบออกเพื่อลบเหลี่ยมก่อน และถ้าเป็นไปได้ ให้หาขอบยางสำหรับกันรั่วใส่ไปด้วย ถ้าหาไม่ได้ เอาถุงพลาสติก (Food Grade นะ ไม่เอาก๊อบแก๊บ) ครอบก่อนปิดก็ได้ครับ
รองเท้า ขัดไปเลย แล้วไม่ต้องขัดอีก เพราะมันจะหมดสภาพหลังกลับมา!!!
วัน ว.
ออกจากบ้านให้เร็ว เพราะต้องไปถึง "สวนเจ้าเชตุ" (หรือบางคนเรียก "สวนเจ้าเชษฐ์") ก่อนหกโมงเช้า ที่นั่นจะมีแผงขายของแบบ last-minute ก่อนออกเดินทาง ใครจะซื้ออะไรรีบซื้อ มีห้องน้ำให้เข้าด้วย และเกาะกลุ่มเพื่อนไว้ดี ๆ จะได้ไม่โดนแยกรถครับ
เนื้อหาในวันนี้ จะเป็นเนื้อหาทฤษฎีเสียมากกว่าปฏิบัติ เพราะกว่าจะไปถึงทุ่งลาดหญ้าและเปิดการฝึก กว่าจะจัดกองร้อยกันได้ก็นานพอควร การเลือกคู่นอน (ตามที่ผมได้นะครับ) คือ เลือกใครก็ได้ในหมวดเดียวกัน แล้วยืนแถวตอนสองแถว คนที่อยู่ตับติดกันจะได้เต็นท์ติดกันด้วย
การเลือกหมวด และกองร้อย จะใช้การเข้าแถวแบบเต็มสิบ (กี่สิบก็เท่านั้นกองร้อย) และทุก ๆ ห้าแถวจะถือเป็นหนึ่งหมวด ตัดสิบเอ็ดตับแนวหน้ากระดานอีกที แล้วเอาเศษไปประกอบกัน ก็จะได้กองพันออกมาอย่างสวยงาม โดยที่แต่ละบล็อก 5*11 จะเป็นหนึ่งหมวดครับ (?)
อย่างที่บอกไป เนื้อหาเป็นทฤษฎีซะมากกว่าปฏิบัติ เข้าฐานนั่งฟังบรรยายไปเรื่อย ๆ ระหว่างเดิน ห้ามเตะฝุ่น เพราะจะทำให้เพื่อนเดือดร้อนครับ!!!
อาหารการกิน เสิร์ฟในถาด ล้างเอง เก็บเอง การอาบน้ำและการนอน แล้วแต่พฤติกรรม ยิ่งทำตัวดียิ่งได้พักมาก เพราะครูเขาก็ไม่ได้อยากตะโกนอีกหรอกครับ หลังจากที่เราเหนื่อยกันมาทั้งวัน
การเข้าเวร ศึกษาตารางเวรไว้ให้ดีครับ เขาจะจัดเวรตามเต็นท์ไป และขอให้ทุกคนจำสัญญาณผ่านไว้ เผื่อต้องใช้ครับ ถ้าเราเป็นเวร เจอใครเข้ามาในเขตกองพัน เราต้องถาม ถ้าเขาตอบไม่ได้ก็ไม่ให้เข้า (แน่นอน รวมถึงผู้บังคับบัญชาและนายทหารใด ๆ ก็ตามที่บอกสัญญาณผ่านไม่ถูก) และในทางกลับกัน ถ้าเรากลับเข้าที่ตั้งเองแล้วตอบไม่ได้ก็เตรียมนอนตากฝุ่นได้เลย
อากาศตอนกลางคืนไม่หนาวเสมอไปนะครับ!!
วัน ว+1
เอาละ วันนี้จะเหนื่อยหน่อย เพราะจะต้องเข้าป่าทั้งวัน และมีการฝึกกลางคืนด้วย หลังจากออกจากกองพันไปแล้วจะได้กลับมาอีกทีก็ดึกไปเลย เนื้อหาวิชาจะมีปฏิบัติมาก เพราะฉะนั้น ใครป่วย ใครมีโรคประจำตัว ต้องแจ้งครูก่อนเข้าฐานฝึกหรือก่อนออกจากกองพันเสมอ (ในเวลาพักก็ได้ครับ)
การฝึกจะทำให้เพื่อน นศท. ทุกนาย กลายเป็น นศท. ชุบแป้งทอด โดยไข่ที่ใช้จะเป็นทรายเนื้อละเอียดแห่งทุ่งลาดหญ้า (ในหน้าแล้ง) ส่วนเกล็ดขนมปังก็คือเศษกิ่งไม้ที่อาจติดมาได้นั่นเอง กระทะใบใหญ่ตั้งอยู่บนเปลือกโลก มีนามว่า "สถานีฝึก" และ นศท. ทุกท่าน ก็จะต้องโดนคั่วอยู่บนนั้นทั้งวันแน่นอน
อนึ่ง กระผมแนะนำให้ นศท. ทุกท่าน นำช้อนติดตัวไปเสมอ เนื่องจากต้องกินอาหารนอกที่ตั้งทั้งวัน ดังนั้น หากไม่ได้หยิบช้อนออกมาจากเต็นท์ในตอนเช้า ท่านอาจต้องแชร์เพื่อนใช้ทั้งวันไปเลยก็เป็นได้!!
ในตอนกลางคืน ก็จะมีการฝึกนิดหน่อย ประกอบระบบ Light & Sound เพิ่มสีสันในการฝึก ให้ นศท. ทุกนายจดจำค่ำคืนนี้ได้ดีทีเดียว (ห้ามเปิดไฟฉาย เพราะจะทำลายบรรยากาศอย่างมาก)
อาจได้อาบน้ำอีกถ้าทำตัวดี ๆ ครับ
วัน ว+2
วันสุดท้ายแล้ว ตื่นมาเก็บของกลับบ้าน (แนะนำให้เอาทุกอย่างลง rucksack ตั้งแต่ก่อนนอนเลยครับ แล้วตอนเช้าค่อยยัดแปรงสีฟัน ถุงนอน ผ้ารองนอน ตามลงไป) เก็บขยะ ซ่อมเต็นท์ (ถ้ามันหย่อน) ฯลฯ
แต่ภารกิจยังไม่จบสิ้นนะครับ เราจะฝึกลาดตระเวนกันอีกนิดหน่อย แล้วค่อยกลับกันครับ ตอนกลับ เราก็จะทำย้อนกลับกับตอนมา คือ เอาของขึ้นรถ ไปทำพิธีปิด (ซึ่งเหมือนกับพิธีเปิด) แล้วกลับกรุงเทพฯ ลงที่สวนเจ้าเชตุเหมือนเดิม แล้วกลับบ้าน ใครที่คิดจะเอา "น้ำหลวง" กลับบ้าน อย่าหวังครับ เพราะความร้อนจะทำให้ท่านและเพื่อน ๆ กินหมดเสียก่อน
หลังจากวันนั้น ท่านจะพบว่า ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน แต่ก็จะลด Int ท่านลงไปเช่นกัน T_T
Debriefing and Aftermath
หลังจากลงรถที่สวนเจ้าเชตุ ท่านก็จะถูกต้อนออกจากเขตทหารอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ผู้ปกครองเอารถมารับท่านกลับ โดยนัดกันไกล ๆ หน่อย (แต่ไม่เอาสนามหลวงนะครับ มันกว้าง 555+) เพราะถ้าท่านใช้ขนส่งมวลชน ท่านอาจสร้างความเดือดร้อน (เล็กน้อย) ให้กับผู้อื่นครับ
ประสบการณ์ที่ได้รับอาจเป็นเหมือนเรื่องไร้สาระ แต่ใครจะไปรู้ละครับ สักวันเราอาจต้องเป็นเจ้าคนนายคน ปกครองคนเป็นร้อย ๆ ถ้าเราไม่เริ่มฝึกตัวเราเองให้มีวินัย แล้วเราจะไปสั่งสอนให้ใครมีวินัยได้ล่ะครับ?
ป.ล. ใครคิดจะฝึกเพื่อหนีทหาร อย่างน้อยช่วยให้ความร่วมมือในค่ายด้วยครับ เพื่อน ๆ จะได้ไม่เดือดร้อน
"1~~~~ 2."
"น้าบบบบบ ใหม่!"
"1~~~~ 2!"
"ไม่ พอ ใจ!"
"1~! 2!!"
"ต่อออออออ ไป!"
"3~~~~ 4, 1~~~ 2, 3 4 1!!"
เสียงนี้ช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูนักเรียนชายหลาย ๆ คนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่เปล่งวาจาเพื่อนับตัวเลขออกมา คนที่สั่งให้คนอื่นนับ คนที่ปากไม่พูดเท้าลากทราย (ฝุ่นตลบ) หรือแม้กระทั่งคนที่อ้าปากแต่แท้ที่จริงแล้วมันหน้าแดงแรงไม่มี ก็ว่ากันไป
ที่นี่ ที่ๆ นักศึกษาวิชาทหารทุกคนรู้จัก ผู้มีการศึกษาทุกคนรู้จัก กว่าสองร้อยปีมาแล้ว ที่นี่ได้เป็นสิ่งซึ่งจารึกประวัติศาสตร์ทางการทหารของประเทศไทยไว้ ในฐานะของสมรภูมิรบที่มีความสำคัญต่อสยามประเทศในสมัยนั้นอย่างยิ่ง ทัพของฝ่ายไทยสี่ทัพ สามารถหยุดยั้งการบุกรุกดินแดนจากพม่า ที่ใช้กำลังพลมากถึงเก้าทัพ ที่นี่คือทุ่งลาดหญ้า สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ ที่นักรบไทย (แน่นอน พม่าด้วย) ได้สละเลือดเนื้อ ชีวิต น้ำตา หยาดเหงื่อ และฝังเอาจิตวิญญาณแห่งนักรบไว้ที่นี่ คอยให้พวกเรา - นักศึกษาวิชาทหาร - ได้สานต่อซึ่งอุดมการณ์ความรักชาติ ความรู้รักสามัคคี และจิตใจที่ตั้งมั่นเสียสละเพื่อแผ่นดิน ที่นี่ เป็นที่ๆ เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้น ได้เฝ้าดูลูกหลานของแผ่นดิน เติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติ สมดังคำขวัญ "นักศึกษาวิชาทหาร คือ ลูกหลานของแผ่นดินไทย" ทุกประการ
ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ทุ่งลาดหญ้า และเขาชนไก่
จริง ๆ แล้ว การฝึกชั้นปีที่สองนั้นไม่มีอะไรเลยครับ แค่กล้าลุยนิดเดียวก็ใช้ได้แล้ว ที่เหนื่อยสุดก็คือการใส่หมวกเหล็ก ไถแถกๆๆๆๆ บนทราย (หงาย ถอยหลัง) เพื่อลอดลวดหนาม นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากครับ ผมยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลยนะเนี่ย จริงจริ๊งงงง (เหรอฟระ แล้วที่กลับมาบ้านแล้วแก้สมการตรีโกณไม่ได้หมายความว่ายังไง????)
เตรียมตัว
อุปกรณ์ที่อยากให้เตรียมไป (นอกจากเครื่องแบบนะ):
- ชุดฝึก ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าไม่ชัวร์ก็เอาไป 1 ชุด (ซื้อหรือยืมก็ได้ครับ)
- เสื้อยืด รด 2 ตัว
- กางเกงใน 2 ตัว (ไม่ต้องกลับหน้าหรอกครับ ลงทุนหน่อย)
- เครื่องสนาม เตรียมให้ครบ
- ปากกา สมุด โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าหมวด กองร้อย กองพัน (จดนิดหน่อย เพราะถ้าจดมากเพื่อนด่า ไม่จดครูโวย ผมเกือบโดนเพื่อนต่อยหน้าเพราะจดมากเกินไปครับ)
- อุปกรณ์อาบน้ำแปรงฟัน ไม่ต้องเยอะนะครับ วันละครั้งเอง
- ยาประจำตัว แป้ง (เผื่ออับมาก) กย.
- ช้อน (แนะนำช้อนสั้น เพราะใส่กระเป๋าเสื้อได้ ผมเก็บติดตัวตลอด ไม่หาย สะอาดด้วย เพราะสอดไว้ระหว่างทิชชูสองแผ่น)
- อาวุธ ยาเสพติด ผ้าอนามัย ไม่ต้องนะครับ (ผ้าอนามัย ทางกองพันขอมาว่ามีพวกชอบทิ้งเกลื่อนครับ สกปรก)
- ฯลฯ สัพเพเหระ ตามคู่มือบอกเลยครับ
กระติกน้ำ ควรล้างให้สะอาด หากปากกระติกคมก็ควรตะไบออกเพื่อลบเหลี่ยมก่อน และถ้าเป็นไปได้ ให้หาขอบยางสำหรับกันรั่วใส่ไปด้วย ถ้าหาไม่ได้ เอาถุงพลาสติก (Food Grade นะ ไม่เอาก๊อบแก๊บ) ครอบก่อนปิดก็ได้ครับ
รองเท้า ขัดไปเลย แล้วไม่ต้องขัดอีก เพราะมันจะหมดสภาพหลังกลับมา!!!
วัน ว.
ออกจากบ้านให้เร็ว เพราะต้องไปถึง "สวนเจ้าเชตุ" (หรือบางคนเรียก "สวนเจ้าเชษฐ์") ก่อนหกโมงเช้า ที่นั่นจะมีแผงขายของแบบ last-minute ก่อนออกเดินทาง ใครจะซื้ออะไรรีบซื้อ มีห้องน้ำให้เข้าด้วย และเกาะกลุ่มเพื่อนไว้ดี ๆ จะได้ไม่โดนแยกรถครับ
เนื้อหาในวันนี้ จะเป็นเนื้อหาทฤษฎีเสียมากกว่าปฏิบัติ เพราะกว่าจะไปถึงทุ่งลาดหญ้าและเปิดการฝึก กว่าจะจัดกองร้อยกันได้ก็นานพอควร การเลือกคู่นอน (ตามที่ผมได้นะครับ) คือ เลือกใครก็ได้ในหมวดเดียวกัน แล้วยืนแถวตอนสองแถว คนที่อยู่ตับติดกันจะได้เต็นท์ติดกันด้วย
การเลือกหมวด และกองร้อย จะใช้การเข้าแถวแบบเต็มสิบ (กี่สิบก็เท่านั้นกองร้อย) และทุก ๆ ห้าแถวจะถือเป็นหนึ่งหมวด ตัดสิบเอ็ดตับแนวหน้ากระดานอีกที แล้วเอาเศษไปประกอบกัน ก็จะได้กองพันออกมาอย่างสวยงาม โดยที่แต่ละบล็อก 5*11 จะเป็นหนึ่งหมวดครับ (?)
อย่างที่บอกไป เนื้อหาเป็นทฤษฎีซะมากกว่าปฏิบัติ เข้าฐานนั่งฟังบรรยายไปเรื่อย ๆ ระหว่างเดิน ห้ามเตะฝุ่น เพราะจะทำให้เพื่อนเดือดร้อนครับ!!!
อาหารการกิน เสิร์ฟในถาด ล้างเอง เก็บเอง การอาบน้ำและการนอน แล้วแต่พฤติกรรม ยิ่งทำตัวดียิ่งได้พักมาก เพราะครูเขาก็ไม่ได้อยากตะโกนอีกหรอกครับ หลังจากที่เราเหนื่อยกันมาทั้งวัน
การเข้าเวร ศึกษาตารางเวรไว้ให้ดีครับ เขาจะจัดเวรตามเต็นท์ไป และขอให้ทุกคนจำสัญญาณผ่านไว้ เผื่อต้องใช้ครับ ถ้าเราเป็นเวร เจอใครเข้ามาในเขตกองพัน เราต้องถาม ถ้าเขาตอบไม่ได้ก็ไม่ให้เข้า (แน่นอน รวมถึงผู้บังคับบัญชาและนายทหารใด ๆ ก็ตามที่บอกสัญญาณผ่านไม่ถูก) และในทางกลับกัน ถ้าเรากลับเข้าที่ตั้งเองแล้วตอบไม่ได้ก็เตรียมนอนตากฝุ่นได้เลย
อากาศตอนกลางคืนไม่หนาวเสมอไปนะครับ!!
วัน ว+1
เอาละ วันนี้จะเหนื่อยหน่อย เพราะจะต้องเข้าป่าทั้งวัน และมีการฝึกกลางคืนด้วย หลังจากออกจากกองพันไปแล้วจะได้กลับมาอีกทีก็ดึกไปเลย เนื้อหาวิชาจะมีปฏิบัติมาก เพราะฉะนั้น ใครป่วย ใครมีโรคประจำตัว ต้องแจ้งครูก่อนเข้าฐานฝึกหรือก่อนออกจากกองพันเสมอ (ในเวลาพักก็ได้ครับ)
การฝึกจะทำให้เพื่อน นศท. ทุกนาย กลายเป็น นศท. ชุบแป้งทอด โดยไข่ที่ใช้จะเป็นทรายเนื้อละเอียดแห่งทุ่งลาดหญ้า (ในหน้าแล้ง) ส่วนเกล็ดขนมปังก็คือเศษกิ่งไม้ที่อาจติดมาได้นั่นเอง กระทะใบใหญ่ตั้งอยู่บนเปลือกโลก มีนามว่า "สถานีฝึก" และ นศท. ทุกท่าน ก็จะต้องโดนคั่วอยู่บนนั้นทั้งวันแน่นอน
อนึ่ง กระผมแนะนำให้ นศท. ทุกท่าน นำช้อนติดตัวไปเสมอ เนื่องจากต้องกินอาหารนอกที่ตั้งทั้งวัน ดังนั้น หากไม่ได้หยิบช้อนออกมาจากเต็นท์ในตอนเช้า ท่านอาจต้องแชร์เพื่อนใช้ทั้งวันไปเลยก็เป็นได้!!
ในตอนกลางคืน ก็จะมีการฝึกนิดหน่อย ประกอบระบบ Light & Sound เพิ่มสีสันในการฝึก ให้ นศท. ทุกนายจดจำค่ำคืนนี้ได้ดีทีเดียว (ห้ามเปิดไฟฉาย เพราะจะทำลายบรรยากาศอย่างมาก)
อาจได้อาบน้ำอีกถ้าทำตัวดี ๆ ครับ
วัน ว+2
วันสุดท้ายแล้ว ตื่นมาเก็บของกลับบ้าน (แนะนำให้เอาทุกอย่างลง rucksack ตั้งแต่ก่อนนอนเลยครับ แล้วตอนเช้าค่อยยัดแปรงสีฟัน ถุงนอน ผ้ารองนอน ตามลงไป) เก็บขยะ ซ่อมเต็นท์ (ถ้ามันหย่อน) ฯลฯ
แต่ภารกิจยังไม่จบสิ้นนะครับ เราจะฝึกลาดตระเวนกันอีกนิดหน่อย แล้วค่อยกลับกันครับ ตอนกลับ เราก็จะทำย้อนกลับกับตอนมา คือ เอาของขึ้นรถ ไปทำพิธีปิด (ซึ่งเหมือนกับพิธีเปิด) แล้วกลับกรุงเทพฯ ลงที่สวนเจ้าเชตุเหมือนเดิม แล้วกลับบ้าน ใครที่คิดจะเอา "น้ำหลวง" กลับบ้าน อย่าหวังครับ เพราะความร้อนจะทำให้ท่านและเพื่อน ๆ กินหมดเสียก่อน
หลังจากวันนั้น ท่านจะพบว่า ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน แต่ก็จะลด Int ท่านลงไปเช่นกัน T_T
Debriefing and Aftermath
หลังจากลงรถที่สวนเจ้าเชตุ ท่านก็จะถูกต้อนออกจากเขตทหารอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ผู้ปกครองเอารถมารับท่านกลับ โดยนัดกันไกล ๆ หน่อย (แต่ไม่เอาสนามหลวงนะครับ มันกว้าง 555+) เพราะถ้าท่านใช้ขนส่งมวลชน ท่านอาจสร้างความเดือดร้อน (เล็กน้อย) ให้กับผู้อื่นครับ
ประสบการณ์ที่ได้รับอาจเป็นเหมือนเรื่องไร้สาระ แต่ใครจะไปรู้ละครับ สักวันเราอาจต้องเป็นเจ้าคนนายคน ปกครองคนเป็นร้อย ๆ ถ้าเราไม่เริ่มฝึกตัวเราเองให้มีวินัย แล้วเราจะไปสั่งสอนให้ใครมีวินัยได้ล่ะครับ?
ป.ล. ใครคิดจะฝึกเพื่อหนีทหาร อย่างน้อยช่วยให้ความร่วมมือในค่ายด้วยครับ เพื่อน ๆ จะได้ไม่เดือดร้อน
2008-01-05
ไว้อาลัยถวายสมเด็จพระพี่นางฯ
สืบเนื่องจากเหตุการณ์อันไม่คาดคิดที่ได้เกิดขึ้นมา พาให้ทั่วฟ้าทั่วแผ่นดินต้องร่ำไห้ กับการเสด็จจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสมเด็จพระพี่นางฯ ผู้ทรงสร้างโครงการต่าง ๆ ในหลาย ๆ ทาง ให้แก่ปวงชนชาวไทย เป็นศูนย์รวมดวงใจที่สำคัญของประชาชนหลายกลุ่ม คุ้มครองสุขภาพประชาชนด้วยโครงการแพทย์อาสาที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นที่เคารพรักยิ่งของประชาชนไทยทุกคนทั่วแผ่นดิน
ปวงประชาอาลัยทุกข์ใจนัก
ท่านที่รักแห่งดวงใจไทยทั้งผอง
ในวันนี้ขอประพันธ์ซึ่งร้อยกรอง
พระพี่นาง ฯ สองกษัตริย์แห่งชาติไทย
ทรงงานหนักมากมายเพื่อปวงชน
เพื่อทุกคนมีวันที่สดใส
เป็นศูนย์รวมดวงจิตและดวงใจ
วันนี้ชนร่ำไห้ทุกข์ทวี
แพทย์อาสาฯ ช่วยประชาในยามทุกข์
ทำเพื่อทุกผองไทยได้สุขศรี
ทุกคนล้วนทราบซึ้งพระบารมี
ที่ทรงมีต่อชาวไทยตลอดมา
โครงการสอวน. ก็เพื่อใคร
นอกจากเด็กไทยเราได้ศึกษา
ทั้งส่งเสริมสร้างสมพัฒนา
ขุมปัญญาชาติไทยให้แข็งแรง
ขอร่ำไห้อาลัยด้วยใจภักดิ์
ด้วยดวงใจใฝ่สมัครมิเคลือบแฝง
ด้วยคำกลอนเหล่านี้ชี้สำแดง
ว่าทรงเป็นแสงหนึ่งซึ่งรุ้งงาม
...
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า
นายชวณัฐ นาคะสันต์
ปวงประชาอาลัยทุกข์ใจนัก
ท่านที่รักแห่งดวงใจไทยทั้งผอง
ในวันนี้ขอประพันธ์ซึ่งร้อยกรอง
พระพี่นาง ฯ สองกษัตริย์แห่งชาติไทย
ทรงงานหนักมากมายเพื่อปวงชน
เพื่อทุกคนมีวันที่สดใส
เป็นศูนย์รวมดวงจิตและดวงใจ
วันนี้ชนร่ำไห้ทุกข์ทวี
แพทย์อาสาฯ ช่วยประชาในยามทุกข์
ทำเพื่อทุกผองไทยได้สุขศรี
ทุกคนล้วนทราบซึ้งพระบารมี
ที่ทรงมีต่อชาวไทยตลอดมา
โครงการสอวน. ก็เพื่อใคร
นอกจากเด็กไทยเราได้ศึกษา
ทั้งส่งเสริมสร้างสมพัฒนา
ขุมปัญญาชาติไทยให้แข็งแรง
ขอร่ำไห้อาลัยด้วยใจภักดิ์
ด้วยดวงใจใฝ่สมัครมิเคลือบแฝง
ด้วยคำกลอนเหล่านี้ชี้สำแดง
ว่าทรงเป็นแสงหนึ่งซึ่งรุ้งงาม
...
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า
นายชวณัฐ นาคะสันต์
2007-12-31
สวัสดีปีใหม่ 2551
สวัสดีปีหนูใหญ่ได้มาถึง
อย่าคำนึงถึงวันที่ผ่านผัน
ที่ต้องคิดคือข้างหน้าอีกหลายวัน
ที่ต้องฝันคืออนาคตของเรา
ทำอะไรโปรดคิดหน้าคิดหลัง
ระวังตัวระวังใจไม่ขลาดเขลา
ใครมาพูดอะไรอย่าหูเบา
อย่าให้ใครเขาลากไปตามใจ
ขอทุกท่านโปรดรักสามัคคี
ทั่วนทีทั้งนภาทั้งหล้าใหญ่
ถึงสุดเขตสุดด้าวสุดแดนไทย
ขอรวมใจพี่น้องสามัคคี
จะเกิดอยู่แห่งใดไม่สำคัญ
แต่สำคัญที่เราบุคคลนี้
ทั้งสองมือสองขาของเรามี
ขอน้องพี่สู้ต่ออย่าท้อใจ
ขออวยพรพี่น้องทั่วพิภพ
รวมบรรจบทั่วฟ้าแลกว้างใหญ่
ขอทุกท่านแข็งแรงไร้โรคภัย
มีจิตใจงดงามและเมตตา
มีความสุขเงินทองไหลเรื่อยมา
โปรดมีสุขทุกวันได้หรรษา
มีความรักสมหวังทุกครั้งครา
เปี่ยมปัญญาผาสุกตลอดปี
อุดมด้วยโชคดีตลอดศก
พรพระคุ้มปกเกล้าให้สุขศรี
คิดอย่างไรขอให้สมด้วยใจมี
ให้โชคดีปีใหม่สมใจเอย
อย่าคำนึงถึงวันที่ผ่านผัน
ที่ต้องคิดคือข้างหน้าอีกหลายวัน
ที่ต้องฝันคืออนาคตของเรา
ทำอะไรโปรดคิดหน้าคิดหลัง
ระวังตัวระวังใจไม่ขลาดเขลา
ใครมาพูดอะไรอย่าหูเบา
อย่าให้ใครเขาลากไปตามใจ
ขอทุกท่านโปรดรักสามัคคี
ทั่วนทีทั้งนภาทั้งหล้าใหญ่
ถึงสุดเขตสุดด้าวสุดแดนไทย
ขอรวมใจพี่น้องสามัคคี
จะเกิดอยู่แห่งใดไม่สำคัญ
แต่สำคัญที่เราบุคคลนี้
ทั้งสองมือสองขาของเรามี
ขอน้องพี่สู้ต่ออย่าท้อใจ
ขออวยพรพี่น้องทั่วพิภพ
รวมบรรจบทั่วฟ้าแลกว้างใหญ่
ขอทุกท่านแข็งแรงไร้โรคภัย
มีจิตใจงดงามและเมตตา
มีความสุขเงินทองไหลเรื่อยมา
โปรดมีสุขทุกวันได้หรรษา
มีความรักสมหวังทุกครั้งครา
เปี่ยมปัญญาผาสุกตลอดปี
อุดมด้วยโชคดีตลอดศก
พรพระคุ้มปกเกล้าให้สุขศรี
คิดอย่างไรขอให้สมด้วยใจมี
ให้โชคดีปีใหม่สมใจเอย
2007-12-19
Cormoon : เกมพันธุ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในโลก
ด้วยความที่ผมไปรู้จักกับโปรแกรมเมอร์กลุ่มหนึ่ง พวกเขาคือVille Mönkkönen กับ Quanrian เจ้าของเกม Notrium เรื่องราวเกี่ยวกับการเอาตัวรอดในต่างดาวอันแสนหฤโหดจนท็อปฮิตติดชาร์ตสนั่นวงการเกมมาแล้วนั่นเอง วันนี้พวกเขากลับมาอีกครั้ง กับเกม ๆ ใหม่ที่ผมได้ทดลองเล่น (นิดเดียวจริง ๆ) และดูตัวอย่างมหาศาล รวมไปถึงแผนพัฒนาโครงการแล้วพบว่าขนาดจอมติอย่างผมยังต้องพูดเลยว่าสุดยอดจริง ๆ
ผมลองไปสอบถามผู้พัฒนาส่วนเนื้อหา (Quanrian) แล้วครับ เขาได้อธิบายออกมาอย่างชัดเจนมาก ๆ ว่าเกมนี้จะเน้นที่เนื้อเรื่องและกลไกของเกมมากกว่า แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งคิดว่ากราฟฟิคจะแย่นะครับ ผมได้รับรายงานมาว่าเกมนี้จะมีภาพที่สวยงามในระดับดีถึงดีมาก (แบบสมจริงที่แต่งให้สวยงาม) เนื่องจากผู้พัฒนาทั้งสองคนมีความสามารถในทางศิลป์ทั้งคู่ และนอกจากนั้นแล้ว ระบบการเล่นจะเป็นเกมแบบ multi-genre (หลายแนวเกม) ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จนแทบจะบอกได้ว่า เกมนี้สามารถเล่นได้ทุกคนเลยครับ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเกมแล้ว ผมคิดว่าน่าจะลองติดตามดูความคืบหน้ากันต่อไปนะครับ ส่วนเรื่องออนไลน์นั้น ได้แน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะว่าหัวใจสำคัญอยู่ที่กลไกการเล่นมากกว่าครับ
แต่อย่างไรก็ตาม เกมดี ๆ แบบนี้ต้องใช้เงินกันบ้างนะครับ โดยทางผู้พัฒนาจะคิดราคาใกล้เคียงกับเกมที่วางขายกันตามท้องตลาด ด้วยคุณภาพที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาสำหรับเกม "indy" แบบนี้แล้ว ผมขอบอกว่าน่าซื้อหามาเล่นไว้แน่นอนที่สุดครับ
ในตอนนี้ เกมอยู่ในช่วง closed beta ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ท่านผู้อ่านได้ทดลองและทดสอบกันในเวลาไม่นานครับ โดยที่อาจมีเนื้อหาที่เล่นได้ไม่มากนัก เนื่องจากเนื้อหาของเกมจะถูกพัฒนาให้ถึงขีดที่เรียกได้ว่า "ปรอทกำลังจะแตก" กันเลยทีเดียวทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพครับ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
เว็บผู้พัฒนา monkkonen.net, บอร์ด Cormoon Dev, กระทู้ Artwork & Concepts, และ Development Log
ผมลองไปสอบถามผู้พัฒนาส่วนเนื้อหา (Quanrian) แล้วครับ เขาได้อธิบายออกมาอย่างชัดเจนมาก ๆ ว่าเกมนี้จะเน้นที่เนื้อเรื่องและกลไกของเกมมากกว่า แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งคิดว่ากราฟฟิคจะแย่นะครับ ผมได้รับรายงานมาว่าเกมนี้จะมีภาพที่สวยงามในระดับดีถึงดีมาก (แบบสมจริงที่แต่งให้สวยงาม) เนื่องจากผู้พัฒนาทั้งสองคนมีความสามารถในทางศิลป์ทั้งคู่ และนอกจากนั้นแล้ว ระบบการเล่นจะเป็นเกมแบบ multi-genre (หลายแนวเกม) ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จนแทบจะบอกได้ว่า เกมนี้สามารถเล่นได้ทุกคนเลยครับ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเกมแล้ว ผมคิดว่าน่าจะลองติดตามดูความคืบหน้ากันต่อไปนะครับ ส่วนเรื่องออนไลน์นั้น ได้แน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะว่าหัวใจสำคัญอยู่ที่กลไกการเล่นมากกว่าครับ
แต่อย่างไรก็ตาม เกมดี ๆ แบบนี้ต้องใช้เงินกันบ้างนะครับ โดยทางผู้พัฒนาจะคิดราคาใกล้เคียงกับเกมที่วางขายกันตามท้องตลาด ด้วยคุณภาพที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาสำหรับเกม "indy" แบบนี้แล้ว ผมขอบอกว่าน่าซื้อหามาเล่นไว้แน่นอนที่สุดครับ
ในตอนนี้ เกมอยู่ในช่วง closed beta ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ท่านผู้อ่านได้ทดลองและทดสอบกันในเวลาไม่นานครับ โดยที่อาจมีเนื้อหาที่เล่นได้ไม่มากนัก เนื่องจากเนื้อหาของเกมจะถูกพัฒนาให้ถึงขีดที่เรียกได้ว่า "ปรอทกำลังจะแตก" กันเลยทีเดียวทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพครับ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
เว็บผู้พัฒนา monkkonen.net, บอร์ด Cormoon Dev, กระทู้ Artwork & Concepts, และ Development Log
2007-12-07
BioShock!!!
วันนี้เกิดปรากฏการณ์ 'BioShock' ขึ้นที่โรงเรียนของกระผมเองครับ
มันเริ่มมาจากข้อสอบชีววิทยาแสนโหด โหดร้ายมาก ๆ 16 ข้อ แต่ 44 คะแนน แน่นอน มีแต่เขียนบรรยายแทบจะทั้งหมด หาคนทำทันและตรวจทานมั่นใจได้ยากมาก ดังนั้น ผมไม่คิดหรอกครับว่าผมจะได้ A
ในเวลาต่อมา เพื่อนติงต๊องคนหนึ่งก็เรียกเหตุการณ์ข้อสอบแสนหินนี้ว่า "BioShock".
ส่วนเหตุการณ์อื่นๆ ได้แก่...
สอบชีวะ - ทำไม่ทัน
รางวัลคำประพันธ์วันพ่อ - ชวด
รางวัลออกแบบถังขยะ - ไม่ได้
ผลสอบเลข - C+
สอบอังกฤษ - แป้กไปประมาณ 6 ข้อ
สำหรับคนอื่น ๆ อาจเป็นแค่ Bioshock แต่สำหรับผม มันเป็นวันมหาวิปโยคเลยทีเดียวคร้าบ แง T_T
คำถามสำหรับวันนี้ เป็นคำถามจากวิชาชีววิทยา ถามว่า ถ้าปู่และตาหัวล้านพันธุ์แท้ ย่าและยายหัวปกติ (คือไม่ล้าน) พันธุ์แท้ พ่อแม่เป็นอย่างไร และลูกเป็นอย่างไรได้บ้าง จงอธิบาย
แนวคิด : หัวล้าน (baldness) เป็นยีนแบบ sex-influenced ที่เกิดหัวล้านในผู้ชายได้ปกติ (เด่นปกติ) แต่ในเพศหญิงต้องเป็น Homozygously Dominated จึงจะล้าน (แบบไข่ดาวอีกแน่ะ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง ๆ T_T)
มันเริ่มมาจากข้อสอบชีววิทยาแสนโหด โหดร้ายมาก ๆ 16 ข้อ แต่ 44 คะแนน แน่นอน มีแต่เขียนบรรยายแทบจะทั้งหมด หาคนทำทันและตรวจทานมั่นใจได้ยากมาก ดังนั้น ผมไม่คิดหรอกครับว่าผมจะได้ A
ในเวลาต่อมา เพื่อนติงต๊องคนหนึ่งก็เรียกเหตุการณ์ข้อสอบแสนหินนี้ว่า "BioShock".
ส่วนเหตุการณ์อื่นๆ ได้แก่...
สอบชีวะ - ทำไม่ทัน
รางวัลคำประพันธ์วันพ่อ - ชวด
รางวัลออกแบบถังขยะ - ไม่ได้
ผลสอบเลข - C+
สอบอังกฤษ - แป้กไปประมาณ 6 ข้อ
สำหรับคนอื่น ๆ อาจเป็นแค่ Bioshock แต่สำหรับผม มันเป็นวันมหาวิปโยคเลยทีเดียวคร้าบ แง T_T
คำถามสำหรับวันนี้ เป็นคำถามจากวิชาชีววิทยา ถามว่า ถ้าปู่และตาหัวล้านพันธุ์แท้ ย่าและยายหัวปกติ (คือไม่ล้าน) พันธุ์แท้ พ่อแม่เป็นอย่างไร และลูกเป็นอย่างไรได้บ้าง จงอธิบาย
แนวคิด : หัวล้าน (baldness) เป็นยีนแบบ sex-influenced ที่เกิดหัวล้านในผู้ชายได้ปกติ (เด่นปกติ) แต่ในเพศหญิงต้องเป็น Homozygously Dominated จึงจะล้าน (แบบไข่ดาวอีกแน่ะ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง ๆ T_T)
2007-12-02
เบื่อ ๆ ในวันหนาว ๆ ที่ไม่ค่อยจะหนาว
เอาละ หลังจากมีแต่โพสที่มีสาระ วันนี้ขอโพสอะไรไร้สาระบ้างก็แล้วกันนะครับ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า ผมรู้สึกเบื่อชีวิตอันแสนจะเงียบเหงามากไปหน่อยละมั้ง ก็เลยลองคิดประเด็นเกี่ยวกับ "หน้าหนาว" มานิดหน่อยครับ
1. อย่างไหนจึงจะเป็นหน้าหนาว
โดยการนิยามแล้ว ก็คือช่วงที่มีอากาศเย็น ๆ หลาย ๆ วันละมั้งครับ แต่เห็นเขาก็มักจะกำหนดให้หน้าหนาวไทย ๆ เราเริ่มที่ประมาณพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ของปีถัดไปครับ แต่ทำไมมันไม่ยักกะหนาวให้ครบวันเวลาจริง ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน (เซ็งนะเนี่ย)
2. คนอื่นเขาหนาว แต่เราไม่หนาว
บางทีเราก็อาจรู้สึกขี้ร้อนมากกว่าคนอื่น ๆ ได้เช่นกันครับ ในกรณีนี้ ถ้าหากเขาหนาวกันแล้ว แต่เรายังไม่หนาว ก็แสดงว่าเราเป็นคนขี้ร้อน หรืออ้วนเกินไปแล้ว (แต่ของผมขี้ร้อนโดยกำเนิดครับ เหงื่อออกง่ายมาก ตอนเด็ก ๆ เดินใต้ตึกนิดเดียวโดนครูตีเพราะนึกว่าไปเล่นสกปรกมา) แบบนี้เลยไม่ได้อารมณ์ร่วมกับเขาเลย
3. คนไทยชอบนับว่าปีนี้หนาวกี่วัน
ไม่รู้จะตอกย้ำตัวเองอะไรกันนักหนา แล้วก็ไม่รู้จะทำสถิติกันไปทำไมด้วยว่าปีนี้เมืองไทยหนาวกี่วันในแต่ละปี จริงอยู่ครับว่าหน้าหนาวเมืองไทยเราลดลงทุกปี แต่ก็ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น ... ถ้าอยากหนาวมากก็ไปอยู่ต่างจังหวัดครับ เพราะในเมืองอากาศมักจะร้อนกว่า การออกไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างจะพอช่วยได้ครับ (ยกเว้นตามแหล่งท่องเที่ยว เพราะอาจทำให้ท่านเซ็งนักท่องเที่ยวมากกว่าเดิม)
4. เสื้อกันหนาว
บางทีผมก็สังเกตบ่อย ๆ ครับว่าการใส่เสื้อกันหนาวมันใส่กันยังไงบ้าง
4.1. ผู้ชาย มักใส่สีเข้ม โดยเฉพาะดำ
4.2. ผู้หญิง อันนี้ไม่รู้ครับ ไม่ค่อยได้คุยด้วย
4.3. เรื่องขนาดและแฟชั่น มักเป็นไปตามฐานะครอบครัว (เช่นของผมต้องใส่ที่ได้รับแจกหรือเป็นของที่ระลึกมา เพราะต้องประหยัดเงินไว้ครับ)
4.4. สังเกตที่โรงเรียนมา จะมีแก๊ง ๆ นึง ใส่เสื้อกันหนาวแบบเดียวกันเด๊ะประมาณครึ่งรุ่น แล้วสมาชิกคนหนึ่งไปทำวีรกรรมอะไรไว้ก็ไม่ทราบได้ สรุปสุดท้าย ฝ่ายปกครองไล่กวาดเช็กหมดรุ่น ซวย
4.5. ผ้าที่ใช้ ก็มีหลายแบบแตกต่างกันไปครับ แต่คนบ้านผมนิยมผ้าร่ม เพราะม้วนเก็บได้ไม่เปลืองที่กระเป๋าครับ แม้ว่ามันจะดูทุเรศมากเมื่อถูกขยำจนเละและเมื่อเทียบกับเสื้อแฟชั่นก็ตาม (ดีกว่าเอากระดาษหนังสือพิมพ์ขยำยัดเสื้อเยอะ)
4.6. สืบเนื่องจาก (2) ผมเลยไม่ค่อยได้ใส่ เพราะตอนเช้า ๆ หนาวจริง แต่พอบ่าย ๆ มันร้อนมากมาย
5. ชุดนักเรียน
เคยคิดเล่น ๆ ว่าทำไมประเทศไทยไม่มีการใช้ชุดฤดูร้อน-ฤดูหนาวแบบญี่ปุ่น แต่ลองนึกดูอีกที มันคงแปลก ๆ ถ้าจะใส่ชุดฤดูหนาวแค่สองสามเดือนในช่วงฤดูหนาวที่หนาวไม่จริง (ร้อนตายพอดี) จะว่าไปแล้ว น่าจะให้ใส่ขายาวเรียนได้นะครับ แม้ว่ามันจะดูแก่ไปนิดนึงก็เถอะ เพราะผ้ามันก็ไม่อับไม่ร้อนอะไรถ้าเลือกดี ๆ (แต่อีกทีก็เห็นใจคนที่โอกาสน้อยกว่าเหมือนกันครับ แค่กางเกงขาสั้นยังบริหารเงินไปซื้อได้ยากเลย)
6. เร่งแอร์แกล้งชาวบ้าน
กรณีงาน Java Workshop ซึ่งแม้ว่ามันจะจัดช่วงฤดูร้อน แต่ก็มีไอ้บ้าบางตนไปเร่งแอร์จนถึง 10?C ที่นับได้ว่าโหดมหาโหดจริง ๆ โชคดีที่เตรียมเสื้อกันหนาวไป 555+ (หรือเราบ้าหว่า เพราะนั่นมันหน้าร้อนนะนั่น)
7. หนาวใจ
ช่วงฤดูหนาว สัตว์บางชนิดก็อาจจำศีลเพื่อรอฤดูร้อน บ้างก็ติดสัดเพื่อผสมพันธุ์ ซึ่งเป็นกระบวนการบังคับ แต่ผมรู้สึกว่าคนก็ "ติดสัด" ช่วงนี้เหมือนกันเพราะเวลามันหนาวแล้วไม่ได้หนาวแค่กาย แต่มันหนาวใจด้วย (โดยเฉพาะไอ้แมวแถวนี้ที่หนาวใจมาประมาณ 16 ปีแล้ว) ต้องหาใครมาห่มให้ อันเป็นมุขน้ำเน่าตลอดกาลอีกมุขหนึ่ง
8. ทำตัวเหมือนแมว
อันได้แก่ การนอนกลางแดดในตะกร้าอุ่น ๆ ในวันหนาว ๆ นั่นเอง (จากที่เคยเห็น แมวมันชอบทำแบบนี้) ถ้าอยากรู้ว่าทำไมน้องแมวชอบนอนแบบนี้ละก็ ลองดูได้นะเมี้ยว~
9. อาการติงต๊องไฮเปอร์ส่วนบุคคลในฤดูหนาว
ไม่รู้สิ แต่เค้ามักจะเป็นแบบนี้ทุกหน้าหนาวเลยอะ เข้าใจใช่มะ คือ คือ แบบว่าพลังงานมันเหลืออะ เพราะมันไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่... เอ ไม่สิ เดี๋ยวนะ แอ๊ หรือว่าหน้าหนาวทำให้เมตาบอลิลึม เอ๊ย เมดดาโบบิ้ทรึ่ม เอ๊ย เมตาบอลิซึม เอ๊ย ถูกแล้ว มันเปลี่ยนไป เลยเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ เมี้ยววววว@*%$*^&@##!!!!!
10. หน้าหนาว ก็แสดงว่าใกล้ปีใหม่แล้วสินะ
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสอบและการทำงานนะครับ น้อง ๆ เพื่อน ๆ สอบมิดเทอมได้สูง ๆ พี่ ๆ ก็ได้โบนัสเยอะ ๆ นะครับ นักลงทุนก็ขอให้ได้ปันผลเยอะ ๆ ด้วย ส่วนตัวผมเองขอแค่มีความสุขกับสอบได้เกรดดี ๆ ก็พอแล้วครับ (ก็คนมันพอเพียงนินา)
11. ... แล้วก็ใกล้วันพ่อด้วย
นี่ก็ใกล้วันพ่อแล้ว หลังจากที่เป็นวันลูกมาหลายเดือนเลย ก็ไปแสดงความเคารพและขอบคุณคุณพ่อกันด้วยนะครับ ^ ^ ตัวผมก็ขอสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีด้วยครับ ^__^
1. อย่างไหนจึงจะเป็นหน้าหนาว
โดยการนิยามแล้ว ก็คือช่วงที่มีอากาศเย็น ๆ หลาย ๆ วันละมั้งครับ แต่เห็นเขาก็มักจะกำหนดให้หน้าหนาวไทย ๆ เราเริ่มที่ประมาณพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ของปีถัดไปครับ แต่ทำไมมันไม่ยักกะหนาวให้ครบวันเวลาจริง ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน (เซ็งนะเนี่ย)
2. คนอื่นเขาหนาว แต่เราไม่หนาว
บางทีเราก็อาจรู้สึกขี้ร้อนมากกว่าคนอื่น ๆ ได้เช่นกันครับ ในกรณีนี้ ถ้าหากเขาหนาวกันแล้ว แต่เรายังไม่หนาว ก็แสดงว่าเราเป็นคนขี้ร้อน หรืออ้วนเกินไปแล้ว (แต่ของผมขี้ร้อนโดยกำเนิดครับ เหงื่อออกง่ายมาก ตอนเด็ก ๆ เดินใต้ตึกนิดเดียวโดนครูตีเพราะนึกว่าไปเล่นสกปรกมา) แบบนี้เลยไม่ได้อารมณ์ร่วมกับเขาเลย
3. คนไทยชอบนับว่าปีนี้หนาวกี่วัน
ไม่รู้จะตอกย้ำตัวเองอะไรกันนักหนา แล้วก็ไม่รู้จะทำสถิติกันไปทำไมด้วยว่าปีนี้เมืองไทยหนาวกี่วันในแต่ละปี จริงอยู่ครับว่าหน้าหนาวเมืองไทยเราลดลงทุกปี แต่ก็ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น ... ถ้าอยากหนาวมากก็ไปอยู่ต่างจังหวัดครับ เพราะในเมืองอากาศมักจะร้อนกว่า การออกไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างจะพอช่วยได้ครับ (ยกเว้นตามแหล่งท่องเที่ยว เพราะอาจทำให้ท่านเซ็งนักท่องเที่ยวมากกว่าเดิม)
4. เสื้อกันหนาว
บางทีผมก็สังเกตบ่อย ๆ ครับว่าการใส่เสื้อกันหนาวมันใส่กันยังไงบ้าง
4.1. ผู้ชาย มักใส่สีเข้ม โดยเฉพาะดำ
4.2. ผู้หญิง อันนี้ไม่รู้ครับ ไม่ค่อยได้คุยด้วย
4.3. เรื่องขนาดและแฟชั่น มักเป็นไปตามฐานะครอบครัว (เช่นของผมต้องใส่ที่ได้รับแจกหรือเป็นของที่ระลึกมา เพราะต้องประหยัดเงินไว้ครับ)
4.4. สังเกตที่โรงเรียนมา จะมีแก๊ง ๆ นึง ใส่เสื้อกันหนาวแบบเดียวกันเด๊ะประมาณครึ่งรุ่น แล้วสมาชิกคนหนึ่งไปทำวีรกรรมอะไรไว้ก็ไม่ทราบได้ สรุปสุดท้าย ฝ่ายปกครองไล่กวาดเช็กหมดรุ่น ซวย
4.5. ผ้าที่ใช้ ก็มีหลายแบบแตกต่างกันไปครับ แต่คนบ้านผมนิยมผ้าร่ม เพราะม้วนเก็บได้ไม่เปลืองที่กระเป๋าครับ แม้ว่ามันจะดูทุเรศมากเมื่อถูกขยำจนเละและเมื่อเทียบกับเสื้อแฟชั่นก็ตาม (ดีกว่าเอากระดาษหนังสือพิมพ์ขยำยัดเสื้อเยอะ)
4.6. สืบเนื่องจาก (2) ผมเลยไม่ค่อยได้ใส่ เพราะตอนเช้า ๆ หนาวจริง แต่พอบ่าย ๆ มันร้อนมากมาย
5. ชุดนักเรียน
เคยคิดเล่น ๆ ว่าทำไมประเทศไทยไม่มีการใช้ชุดฤดูร้อน-ฤดูหนาวแบบญี่ปุ่น แต่ลองนึกดูอีกที มันคงแปลก ๆ ถ้าจะใส่ชุดฤดูหนาวแค่สองสามเดือนในช่วงฤดูหนาวที่หนาวไม่จริง (ร้อนตายพอดี) จะว่าไปแล้ว น่าจะให้ใส่ขายาวเรียนได้นะครับ แม้ว่ามันจะดูแก่ไปนิดนึงก็เถอะ เพราะผ้ามันก็ไม่อับไม่ร้อนอะไรถ้าเลือกดี ๆ (แต่อีกทีก็เห็นใจคนที่โอกาสน้อยกว่าเหมือนกันครับ แค่กางเกงขาสั้นยังบริหารเงินไปซื้อได้ยากเลย)
6. เร่งแอร์แกล้งชาวบ้าน
กรณีงาน Java Workshop ซึ่งแม้ว่ามันจะจัดช่วงฤดูร้อน แต่ก็มีไอ้บ้าบางตนไปเร่งแอร์จนถึง 10?C ที่นับได้ว่าโหดมหาโหดจริง ๆ โชคดีที่เตรียมเสื้อกันหนาวไป 555+ (หรือเราบ้าหว่า เพราะนั่นมันหน้าร้อนนะนั่น)
7. หนาวใจ
ช่วงฤดูหนาว สัตว์บางชนิดก็อาจจำศีลเพื่อรอฤดูร้อน บ้างก็ติดสัดเพื่อผสมพันธุ์ ซึ่งเป็นกระบวนการบังคับ แต่ผมรู้สึกว่าคนก็ "ติดสัด" ช่วงนี้เหมือนกันเพราะเวลามันหนาวแล้วไม่ได้หนาวแค่กาย แต่มันหนาวใจด้วย (โดยเฉพาะไอ้แมวแถวนี้ที่หนาวใจมาประมาณ 16 ปีแล้ว) ต้องหาใครมาห่มให้ อันเป็นมุขน้ำเน่าตลอดกาลอีกมุขหนึ่ง
8. ทำตัวเหมือนแมว
อันได้แก่ การนอนกลางแดดในตะกร้าอุ่น ๆ ในวันหนาว ๆ นั่นเอง (จากที่เคยเห็น แมวมันชอบทำแบบนี้) ถ้าอยากรู้ว่าทำไมน้องแมวชอบนอนแบบนี้ละก็ ลองดูได้นะเมี้ยว~
9. อาการติงต๊องไฮเปอร์ส่วนบุคคลในฤดูหนาว
ไม่รู้สิ แต่เค้ามักจะเป็นแบบนี้ทุกหน้าหนาวเลยอะ เข้าใจใช่มะ คือ คือ แบบว่าพลังงานมันเหลืออะ เพราะมันไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่... เอ ไม่สิ เดี๋ยวนะ แอ๊ หรือว่าหน้าหนาวทำให้เมตาบอลิลึม เอ๊ย เมดดาโบบิ้ทรึ่ม เอ๊ย เมตาบอลิซึม เอ๊ย ถูกแล้ว มันเปลี่ยนไป เลยเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ เมี้ยววววว@*%$*^&@##!!!!!
10. หน้าหนาว ก็แสดงว่าใกล้ปีใหม่แล้วสินะ
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสอบและการทำงานนะครับ น้อง ๆ เพื่อน ๆ สอบมิดเทอมได้สูง ๆ พี่ ๆ ก็ได้โบนัสเยอะ ๆ นะครับ นักลงทุนก็ขอให้ได้ปันผลเยอะ ๆ ด้วย ส่วนตัวผมเองขอแค่มีความสุขกับสอบได้เกรดดี ๆ ก็พอแล้วครับ (ก็คนมันพอเพียงนินา)
11. ... แล้วก็ใกล้วันพ่อด้วย
นี่ก็ใกล้วันพ่อแล้ว หลังจากที่เป็นวันลูกมาหลายเดือนเลย ก็ไปแสดงความเคารพและขอบคุณคุณพ่อกันด้วยนะครับ ^ ^ ตัวผมก็ขอสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีด้วยครับ ^__^
Subscribe to:
Posts (Atom)